ทุกวันนี้ หลายองค์กรทุ่มงบประมาณไปกับการซื้อซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ หวังว่าจะได้เครื่องมือที่ดีที่สุด แต่คำถามสำคัญไม่ใช่ “ซอฟต์แวร์นี้ดีไหม?” — แต่คือ “ซอฟต์แวร์นี้ตอบโจทย์ธุรกิจเราจริงหรือ?” 

ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปก็เหมือนบ้านจัดสรร — สวยแต่อาจไม่ตอบโจทย์ ทุกฟังก์ชันถูกออกแบบสำหรับ “คนส่วนใหญ่” ไม่ใช่ คุณคนเดียว  

• ห้องครัวที่กว้างเกินไป ทั้งที่คุณไม่ใช่คนชอบทำอาหาร 

• ห้องน้ำหรูพร้อมอ่างจากุชชี่ ที่ไม่เคยได้ใช้ 

• พื้นที่ใช้สอยมากมายแต่กลับไม่มีมุมที่ “ใช่” สำหรับคุณ 

และนี่คือสิ่งที่เราเห็นจากหลายองค์กร — ซอฟต์แวร์ที่มีฟีเจอร์มากมาย แต่กลับต้องมานั่งแก้ปัญหาเดิมซ้ำ ๆ : ข้อมูลค้าง ต้นทุนการดำเนินงานยังสูง และการประมวลผลที่กินเวลาจนน่าหงุดหงิด 

คำถามสำคัญ: 
หรือแท้จริงแล้ว… ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปดีจริง แต่ไม่สุด? 

วันนี้เราชวนคุณมารู้จักอีกมุมของ "การสร้างนวัตกรรม" — ที่ไม่ได้เริ่มจากศูนย์ แต่เริ่มจากของที่มีอยู่แล้ว… อย่าง SAP หรือ SaaS ที่องค์กรธุรกิจใช้อยู่ทุกวัน ด้วยวิธีคิดแบบ Client-First ของ (ชื่อและประวัติของคุณเปรม โยงถึงการคิดค้น Lisma, LismaX, และ นวัตกรรม SW อื่น ๆ ที่อยู่เบื้องหลังการลดต้นทุนการดำเนินงาน) ที่มุ่งมั่นเปลี่ยนโลกซอฟต์แวร์ที่ปัจจุบันเต็มไปด้วยของ ‘สำเร็จรูป’ ให้ ‘สำเร็จจริง’ เพราะทุกวันนี้ธุรกิจไม่ได้ต้องการนวัตกรรมที่ล้ำสุดในโลก แต่ต้องการโซลูชันที่ “ล้ำพอดีกับพวกเขา” และนั่นคือสิ่งที่ GMVPI สร้างและทำมาตลอด 10 ปี 

Innovation from Within: เปลี่ยนสิ่งเดิมให้เป็นนวัตกรรม 

One Size Fits All ไม่มีอยู่จริง ด้วยเหตุนี้ การปรับแต่งซอฟต์แวร์ ( Software Customization) จึงจำเป็นในโลกของธุรกิจที่ต้องแข่งกันทั้งด้านความเร็วและผลลัพธ์ต้องแม่นยำด้วย จุดนี้เองทำให้การปรับแต่งซอฟต์แวร์ไม่ใช่แค่การเพิ่มฟีเจอร์บางอย่าง แต่มันคือการ ออกแบบใหม่ เพื่อทำให้ซอฟต์แวร์กลายเป็น “คู่คิด” ที่เข้าใจธุรกิจได้จริงเหมือนคนในทีม ซึ่ง GMVPI มองหลักการปรับแต่งซอฟต์แวร์เป็น 3 ส่วนสำคัญ

Extend – ไม่ใช่แค่ปรับให้ทำได้มากขึ้น… แต่ต้องทำให้ทรงพลังขึ้น — เพราะการขยายขีดความสามารถ คือ การเปลี่ยนข้อจำกัดให้เป็นโอกาส  จากการประมวลผลหลายชั่วโมง… เหลือไม่ถึงนาที จากระบบที่ล่มซ้ำ ๆ… สู่ระบบที่เสถียรจนเป็นมาตรฐานใหม่ 

เพราะข้อจำกัด… ไม่ได้มีไว้ให้ทน แต่มีไว้ให้ทลาย  

Simplify – การแก้ปัญหาที่ทรงพลังที่สุด คือ การทำให้เรื่องยาก กลายเป็นเรื่องง่ายและทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริง  ลดขั้นตอนจาก 10 เหลือ 3 — ไม่ใช่เพราะเราตัดทิ้ง แต่เพราะเรา เลือกเก็บเฉพาะสิ่งที่จำเป็น ตัดฟีเจอร์ที่ไม่เคยถูกใช้… เหลือเฉพาะสิ่งที่ต้องใช้  

Personalize — ซอฟต์แวร์ที่ดี ไม่ได้ดีเพราะฟีเจอร์เยอะ… แต่มันดีเพราะ “เข้าใจ” ที่ GMVPI… เราไม่ถามว่า “ลูกค้าต้องการอะไร?” แต่เราค้นหาว่า “ปัญหาที่แท้จริงคืออะไร?” เพราะการ Customize ไม่ใช่การเพิ่มฟีเจอร์แบบไร้ทิศทาง แต่คือการทำให้ซอฟต์แวร์เดิม… เข้าใจธุรกิจเหมือนคนในทีม 

Innovation’s Real Engine: ทีมที่คิดได้—ทำถึง 

นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่… ล้วนเกิดขึ้นได้เพราะ คน เราจึงให้ความสำคัญกับทัศนคติและวัฒนธรรมองค์กร ที่ทุกคนต้องจำให้ขึ้นใจตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาว่า ‘งานเราต้องเนี๊ยบ’ เพราะ ที่ GMVPI จุดพอใจของการทำงานทุกชิ้น คือ จุดที่คู่แข่ง (ของเรา) ทำไม่ได้  

3 หลักการสร้างทีมที่คิดได้ — ทำถึง: 

1. Training ปรับทัศนคติก่อนเสริมทักษะ ภาพแรกที่คุณเห็นเมื่อเข้ามาที่นี่… คือ ห้อง Workshop และกระดานไวท์บอร์ด ไวท์บอร์ดที่ไม่ใช่แค่บอกวิธีเขียนโค้ดแต่บอกวิธีคิด วิเคราะห์ และตั้งคำถาม — “ลูกค้ามี Pain Point อะไร? ทำไมระบบถึงล่ม?” ทุกคนต้องผ่านการฝึกคิดแบบ Client-First ไม่ใช่แค่แก้ปัญหา แต่ต้องรู้ “ปัญหาที่แท้จริงคืออะไร” ไม่ใช่แค่เพิ่มฟีเจอร์ แต่ต้องรู้ “ฟีเจอร์นี้ช่วยอะไรได้บ้าง” “ที่นี่ เราไม่เริ่มจากการโค้ด… แต่เราถามก่อนว่า ‘ปัญหาคืออะไร?’” 

2. Up Skill อัปเดตทักษะอย่างต่อเนื่อง ในโลกของซอฟต์แวร์… ฟีเจอร์ใหม่เกิดขึ้นทุกเดือน และการแก้ปัญหาไม่ใช่การเขียนโค้ดใหม่ แต่คือการ รู้จักระบบเดิมให้ลึกที่สุด ผ่านการ Training กับบริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง อัปเดตฟีเจอร์ใหม่ เข้าใจการทำงานของระบบตั้งแต่แกนกลางถึงปลายทาง เรียนรู้วิธี Customize โดยไม่กระทบกับฟังก์ชันหลัก เพราะการแก้ปัญหา ไม่ได้จบแค่ในห้องประชุม แต่ต้องรู้ว่า เบื้องหลังโค้ดนั้น มีอะไรซ่อนอยู่บ้าง 

3. Collaboration กับบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์ทุกระบบ… แตกต่างกัน การปรับแต่ง (Customization) ที่ดี ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ต้องมั่นใจว่า ทุกการแก้ไขจะต้องไม่กระทบกับลูกค้าและระบบหลักในระยะยาว 

ที่ GMVPI เราจึงไม่แก้ปัญหาแบบลุยเดี่ยว 

ทุกครั้งที่ต้องปรับแต่ง ทีมจะต้องประสานกับบริษัทเจ้าของซอฟต์แวร์ ถ้าเกิดปัญหา ทีมจะมี ข้อมูลการพูดคุยและคำแนะนำจากผู้พัฒนา เพื่อแจ้งลูกค้าอย่างโปร่งใส เพราะการ Customize ที่ผิดวิธี ไม่ต่างจากการวางระเบิดเวลาในระบบ เพราะสุดท้าย… งานของที่นี่ไม่ได้แค่ดี แต่ต้องเนี้ยบ — และจุดพอใจในการทำงานของ GMVIPI คือ จุดที่คู่แข่งทำไม่ได้ 

บทเรียนสอนใจ: 7 ชั่วโมงที่หายไป… กับความสูญเสีย 1,000 ล้านบาท 

เหตุการณ์:  

ลูกค้ารายหนึ่งใช้ระบบ SAP และจ้าง Implementor ปรับแต่งระบบ Inventory Management สำหรับสาขาทั่วประเทศ แต่กลับสร้างความเสียหายและโอกาสทางธุรกิจนับพันล้านบาท ไม่ใช่เพราะ SAP ไม่โอเค แต่เพราะการปรับแต่งที่ไม่ดีพอ 

เสียเงินทำ Software Customization ไปตั้งเยอะ แต่ได้ระบบประมวลผลข้อมูลที่ต้องใช้เวลา ถึง 7 ชั่วโมง — เกินไปไหมสำหรับโลกยุคนี้? ระบบหยุดชะงักบ่อยครั้งเมื่อต้องจัดการกับปริมาณข้อมูลจำนวนมาก ระบบกระจายสินค้าหยุดทำงาน เพราะระบบล่ม/ผลลัพธ์ผิดพลาด 

GMVPI เข้าไปทำอะไร? 

รื้อโค้ดเดิมที่ Implementor รายเดิมทำไว้ สร้างระบบการประมวลผลใหม่ ที่เน้นการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวดเร็วและแม่นยำ เพิ่ม Dashboard แบบ Real-Time ที่ทำให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมได้ทันทีและเข้าใจง่าย 

ผลลัพธ์: กระบวนการประมวลผล/การรายงานผลจาก 7 ชั่วโมง… เหลือ 30 วินาที ผลลัพธ์ผิดพลาดเป็น 0% บริษัทกลับมาบริหารจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างแม่นยำ สร้างโอกาสธุรกิจมหาศาล เพิ่มรายได้พร้อมลดต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อม “นี่ไม่ใช่แค่การเขียนโค้ด… แต่มันคือการเขียนบทใหม่ให้ซอฟต์แวร์เดิม” 

การ Customize ผิดพลาด = ระเบิดเวลาที่ซ่อนอยู่ 

การปรับแต่งหรือ Customization ก็เหมือนกับการตกแต่งบ้านเพิ่ม ถ้าคนออกแบบตกแต่งภายใน (Interior) ไม่เก่งหรือประสบการณ์ไม่มากพอ ช่างไม่มีฝีมือ — โครงสร้างเดิมอาจพังลงมา ใช้งานไม่ได้จริง — เช่นเดียวกับซอฟต์แวร์ดี ๆ อาจพังในพริบตา  

• ระบบล่ม = ความเสียหายประเมินค่าไม่ได้ 

• Warranty หลุด = ซอฟต์แวร์ที่ไร้คนดูแล  

• การปรับแต่งที่ขาดกลยุทธ์ = การสร้างระเบิดเวลาที่พร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ  

และนี่คือสิ่งที่เราเห็นมาตลอดหลายปี 

บริษัทเสียเงินนับล้านเพื่อปรับแต่งซอฟต์แวร์ แต่กลับได้ระบบที่ทำงานช้ากว่าเดิมและบางทีก็ผิดพลาด 

การประมวลผลซอฟต์แวร์ผิดพลาดทำให้องค์กรต้องกู้เงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายค่าสินค้าให้ซัพพลายเออร์ ทั้งที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระต้องรับภาระดอกเบี้ย 70 ล้านบาท ไปฟรี ๆ  

สรุป: นวัตกรรมที่เราสร้าง… ไม่ได้เริ่มจาก 0 แต่มันเริ่มจากสิ่งที่มี แล้วไปให้สุด 

เราไม่เปลี่ยนซอฟต์แวร์ทั้งหมด… แต่เราเลือกปรับและเปลี่ยนในจุดที่สร้างอิมแพค (Impact) ที่ยิ่งใหญ่ให้ธุรกิจ เราไม่เน้นสร้างใหม่…  แต่เรา ปรับสิ่งเดิม ให้ตอบโจทย์ที่แท้จริง ซอฟต์แวร์ที่เหมาะสำหรับคุณ… ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์ที่มีฟีเจอร์เยอะ แต่มันคือซอฟต์แวร์ที่ เข้าใจปัญหาและแก้ไขให้ตรงจุด ช่วยสร้างโอกาสใหม่ให้ธุรกิจ ด้วยเหตุนี้ “เราไม่ถามว่า ‘ลูกค้าต้องการอะไร’ แต่เราจะเฟ้นหาว่า ‘ปัญหาแท้จริงของลูกค้าคืออะไร’… เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นของการสร้างนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จจากการใช้งานจริง”