CTRL+Future
5 สเตปสร้างทางเลือกเพื่อเสริมความคิดสร้างสรรค์แบบ “ชลากรณ์ ปัญญาโฉม”
1 ก.ย. 2568
The Futurist
ต่อให้ไม่ได้ทำงานในแวดวงบันเทิงหรือออกแบบ ความคิดสร้างสรรค์ก็ยังคงเป็นทักษะสำคัญที่ทุกคนควรฝึกปรือ เพราะสำหรับ พี่กร–ชลากรณ์ ปัญญาโฉม ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของหลากหลายโปรเจกต์จาก Workpoint เช่น The Mask Singer, 4EVE, OLYMPOP และอื่นๆ อีกมากมาย ความคิดสร้างสรรค์ถือเป็นเรื่องของ “ทางเลือก” ซึ่งสามารถปรับใช้ได้ในทุกสถานการณ์
“ความคิดสร้างสรรค์คือการสร้างทางเลือกเยอะๆ แล้วเลือกใช้ทางเลือกที่สะดุดตาขึ้นหน่อย หรือมีฟังก์ชันที่ดีขึ้น ยกตัวอย่างเมื่อก่อนเวลาเราซื้อน้ำตามตลาด จะได้ถุงที่มีหนังยางรัดเป็นหูหิ้ว แต่เดี๋ยวนี้มันกลายเป็นถุงที่มีหูหิ้วในตัวแล้ว หรือเวลาทำงานที่ออฟฟิศ การหา Workflow ที่ช่วยให้เราทำงานได้สะดวกขึ้น ราบรื่นขึ้น งานเสร็จเร็วขึ้น ก็นับเป็นความคิดสร้างสรรค์เช่นกัน”
เราจะพัฒนาตัวเองให้มีสายตาที่มองเห็นทางเลือกและมีความคิดสร้างสรรค์อยู่เสมอได้อย่างไร? พี่กรแชร์ 5 ชั้นตอนที่ได้ผลสำหรับเขาแบบไม่มีกั๊ก
1. หาความรู้ใส่ตัวเยอะๆ
ถ้าชอบอ่านก็อ่าน ถ้าชอบดูก็ดู ถ้าชอบพูดคุยก็พูดคุย ไม่ว่าจะชอบหาความรู้ด้วยวิธีไหน คนที่มีความคิดสร้างสรรค์คือคนที่หมั่นหาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอ เพื่อเปิดมุมมองของตัวเองสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ พี่กรแบ่งปันเคล็ดลับสนุกๆ ไว้ว่า “ลองเริ่มจากเลือกก๊วนกินข้าวเย็นหลังเลิกงานก็ได้ เพราะการคุยกับคนหลากหลายกลุ่มจะช่วยเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ต่อให้เป็น Introvert ก็ไปนั่งฟังว่าเขาคุยอะไรกันเฉยๆ ก็ยังได้”
2. สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับความคิดสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์จะเติบโตได้ดีในที่ที่ปลอดภัย ปลอดภัยสำหรับแชร์ความคิดเห็น ปลอดภัยในการลองผิดลองถูก ปลอดภัยจากการถูกตัดสิน สำหรับข้อนี้ พี่กรให้เทคนิคในฐานะหัวหน้าทีมไว้ว่า “ผมจะโยนไอเดียมั่วๆ ลงไปด้วย เพราะถ้าหัวหน้าโยนของไม่ดีไปให้น้องๆ ดูบ้าง เขาก็จะกล้าโยนไอเดียมากขึ้น ถ้าหัวหน้าโยนแต่ของดีๆ ลงไป เขาก็จะกังวลว่าแล้วไอเดียเขาจะใช้ได้เหรอ นอกจากนี้เรื่องความสัมพันธ์ก็สำคัญ ไปแฮงเอาต์กันนอกเวลางานซักหน่อย เมื่อความสัมพันธ์ดี ทีมก็จะรู้สึกสบายใจ กล้าระดมไอเดียกัน”
3. พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ร่วมกับคนอื่น
เวลามีไอเดียอะไรก็ทดไว้แล้วเอาไปให้ทีมช่วยพัฒนาต่อ ยิ่งถ้าเป็นโปรเจกต์ใหญ่ๆ ก็ยิ่งต้องใช้หลายสมองช่วยระดมความคิดและมองหาทางเลือกจากหลากหลายมุมมอง “แต่สุดท้ายหัวหน้าก็ต้องเป็นคนตัดสินใจว่าจะเลือกทางไหน ขึ้นอยู่กับบริบทและฟังก์ชัน” พี่กรว่า

4. เหนื่อยก็พัก เครียดก็คลาย ปล่อยเวลาทำหน้าที่ของมัน
ความเหนื่อยและความเครียดเป็นศัตรูของความคิดสร้างสรรค์ เพราะอาจทำให้เกิด Creative Block ได้ ดังนั้นถ้ารู้สึกตีบตัน คิดอะไรไม่ออก อย่าไปฝืน ให้ไปพักผ่อนให้หายเหนื่อยหายเครียด หรือถ้ายังมีแรงจะสลับไปทำงานอื่นก่อนก็ได้ แล้วเดี๋ยวไฟแห่งความคิดสร้างสรรค์จะกลับมาเอง
นอกจากนี้ พี่กรยังบอกเคล็ดวิธีการกำจัด Creative Block หรือพลิกฟื้นความคิดสร้างสรรค์ด้วยวิธีการง่ายๆ ชนิดที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง นั่นคือ “ปล่อยเวลาทำหน้าที่ของมัน” หรือพูดง่ายๆ ก็คือพับโปรเจกต์ไปก่อน แล้วค่อยหยิบกลับมาปัดฝุ่นใหม่เมื่อถึงเวลา โดยเขายกตัวอย่าง 2 กรณีที่น่าสนใจไว้ดังนี้
เพลงเธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ
เดิมที "โช้ย–จักรพัฒน์ เอี่ยมหนุน” โปรดิวเซอร์คู่ใจของ “จิก–ประภาส ชลศรานนท์” แต่งเมโลดี้เพลงนี้ขึ้นมาสำหรับใช้ในโปรเจกต์สหนังสือนิทานประกอบดนตรี แต่พี่จิกยังแต่งเนื้อเพลงไม่ออก ก็เลยพักไว้ก่อน จนกระทั่งมีอีเวนต์ของคณะสถาปัตย์ จุฬาฯ พี่จิกจึงหยิบเมโลดี้มาแต่งเป็นเพลง “เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ” โดยมีวงเฉลียงเป็นผู้ขับร้อง แต่เพลงนี้ไม่ได้ถูกปล่อยออกไปให้คนฟังในวงกว้าง จนกระทั่งพี่กรมีโอกาสช่วยทำโปรเจกต์ที่ชวนศิลปินรุ่นใหม่มาขับร้องเพลงของพี่จิก จึงแนะนำเพลงนี้ให้ Scrubb เอาไปเรียบเรียงและขับร้องใหม่ จนเกิดเป็นเพลง “เธอหมุนรอบฉันฯ” ที่คนส่วนใหญ่คุ้นหูกันจนถึงทุกวันนี้
รายการอัจฉริยะข้ามคืน
รายการสุดโด่งดังรายการนี้เคยเกือบได้ชื่อว่า “เกมห้องสมุด” แถมจะจัดแค่ในเฉพาะห้องสมุด โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องมาค้างคืนที่ห้องสมุด 1 คืน จากนั้นตอนเช้าทีมงานจะสุ่มหยิบหนังสือมา 1 เล่มแล้วถามคำถาม คนที่ตอบได้มากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ แต่ตอนที่พัฒนาไอเดียกันทีมก็ค้างอยู่ตรงว่า มันจะเป็นไปได้จริงๆ หรือ หนังสือมีเยอะแยะ ดูเป็นแข่งว่าใครดวงดีมากกว่าใครสมองดี รายการนี้จึงถูกพับเก็บไว้หลายปี จนกระทั่งมีลูกค้ามาหา Workpoint ด้วยโจทย์ที่ว่า อยากทำรายการฉลาดๆ ทีมจึงหยิบ “เกมห้องสมุด” มาพัฒนาจนกลายเป็น “อัจฉริยะข้ามคืน” ที่ใครๆ ก็รู้จักกันในฐานะเกมโชว์ที่ผู้เข้าแข่งขันจะแข่งกันในหัวข้อที่ตัวเองถนัด โดยสถานที่นัดพบก็จะเกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้นๆ นั่นเอง
5. เตือนตัวเองว่า “เจ๊งบ้างก็ได้”
ไม่ใช่ทุกไอเดียจะปังเสมอไป บางไอเดียอาจเจ๊งบ้างก็ได้ ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือต้องไม่หยุดสร้างเสริมความคิดสร้างสรรค์และสร้างทางเลือกใหม่ๆ ต่างหากล่ะ และพี่กรเตือนด้วยว่า “อย่าไปผิดหวังหรือเสียใจกับมันนาน ไม่งั้นจะบล็อกความคิดสร้างสรรค์ได้”
ถ้าใครทำมาถึงข้อ 5 แล้วก็วนกลับไปข้อ 1 ใหม่ นี่แหละลูปแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มีวันแห้งเหือด!