หากใครที่ติดตามภาพยนต์จากค่ายหนังชั้นนำ อย่าง marvel คงหนีไม่พ้นที่จพรู้จักกับตัวละคร อย่าง tony stark หรือ ironman นำแสดงโดย robert juniour ในภาพยนต์อย่าง ironman และ avenger บ่อยครั้งที่เราจะได้เห็นแว่นตา และภาพ hologram จำลองรูปแบบ 3 มิติ และเครื่องมือเหล่านั้นมักจะเป็นที่สนใจและใฝ่ฝันของใครหลายคน
แต่ความฝันนั้นกำลังใกล้กับความเป็นจริงมากขึ้น ด้วย Hololens 2 จาก Microsoft
Mixed reality นั้นมีความแตกต่างจากเทคโนโลยี AR/VR ที่เรารู้จัก เพราะคำว่า Mixed reality นั้นจะเป็นการรวมกันของ 3 ส่วนประกอบไปด้วย ผู้ใช้ คอมพิวเตอร์ และสภาพแวดล้อม เกิดเป็นการซ้อนทับกันระหว่างโลกจริง หรือ Physical reality และโลกเสมือนอย่าง digital reality เรียกได้ว่าเป็นการรวมกันระหว่างเทคโนโลยี AR และ VR เลยก็ว่าได้
โดย Hololens 2 คือ แว่นตา Device ตัวกลางในการเชื่อมต่อสู่ Mixed reality รุ่นล่าสุดจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft โดยในรุ่มใหม่นี้มีการออกแบบให้ดูดียิ่งขึ้น แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือการเข้ามาสู่สิ่งที่เรีกว่า “instinctual interaction” เป็นการพัฒนาสัมผัสการต่อตอบของผู้ใช้กับระบบคอมพิวเตอร์ ด้วยการรวมกันของเซ็นเซอร์ในการตรวจกับการเคลื่อนไหวและการกระทำท่าทางในรูปแบบต่างๆ และมีการตอบสนองกลับมาด้วยรูปแบบของเสียง และการเคลื่อนไหวของสิ่งนั้น
นอกจากนี้ข้อแตกต่างระหว่าง Hololens 2 และ hololens ในรุ่นแรกในลักษณะภายนอก ยังมีการเปลี่ยนวัสดุมาเป็น Carbon Fiber ที่มีน้ำหนักที่มีน้ำหนักเบา ไม่นำความร้อนจากตัวประมวลผล และมีความทนทานกว่ารุ่นแรกอย่างเห็นได้ชัด มีการออกแบบให้สวมใส่ง่าย ปรับขนากให้เหมาะสม หรือแม้กระทั้งใส่พร้อมกับการสวมแว่น
ฟังค์ชั่นการทำงานใน Hololens 2
- ระบบ Recognition ที่ครอบคลุมทั้ง Self Recognition ที่สามารถระบุตัวตนของผู้ใส่ได้ทันที, Hand Recognition ใช้ในการตรวจจับการเคลื่อยไหวของมือที่มีความแม่นยำมากขึ้น รวมถึง World Recognition ใช้ในการตรวจสอบสิ่เร้าและสิ่งแวดล้อมรอบตัวของรอบตัว
- ระยะในการแสดงผลและความชัดเจนของภาพที่สูงขึ้นในระดับ 2K รวมทั้งยังแสดงได้ในระยะที่กว้งขึ้นกว่าเดิม
- การควบคุม สัมผัสที่ให้ความรู้ความใกล้เคียงกับการสัมผัสในความเป็นจริง และสามารถใช้เสียงในการสั่งการแทนการพิมพ์
- รองรับการเชื่อมต่อประชุม โดยแสดงผลคู่สนทนาด้วยภาพ Avatar เสือนจริงและสามารถหยิบจับสิ่งของและแสดงให้เห็นได้
3 ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานจริงของ Hololens
-
NASA
ในห้องทดลองเครื่องยนต์ขับเคลื่อนของนาซ่าได้มีร่วมมือกับ Microsoft เพื่อสร้างซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า OnSight โดยตามรายละเอียดของ Jeff Norris ผู้นำโครงการ OnSight ได้กล่าวว่า “พวกเขาใช้ HoloLens เพื่อเชื่อมต่อนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรเข้ากับสภาพแวดล้อมของบนดาวอังคาร เนื่องจากเราไม่สามารถส่งนักวิทยาศาสตร์ไปยังดาวอังคารได้ ดังนั้นด้วยเทคโนโลยีนี้ทำให้สามารถตรวจสอบสิ่งที่สภาพแวดล้อมบนดาวอังคารให้ชัดเจนแล้วละเอียดมากยิ่งขึ้น” เพราะด้วย Hololens จะทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจสอบพื้นผิวบนดาวอังคารในระบบ 3 มิติได้ ซึ่งง่ายต่อการนำมาทำวิจัยต่อยอด
2. Volvo
Volve ผู้ผลิตและพัฒนารถยนต์จากสวีเดนใช้ HoloLens เพื่อให้ลูกค้าสามารถดูการดัดแปลง หรือกันปรับแต่งรถยนต์เพิ่มเติมในรูปแบบ 3 มิติของรถยนต์ ก่อนจะมีการสั่งซื้อ หรือผลิตจริง รวมถึงใช้เพื่อการฝึกอบรมภายใน ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการที่พนักงานต้องเรียนผ่านวิดีโอที่อาจจะไม่มีความละเอียดเพียงพอ ด้วยระบบนี้จะทำให้พนักงานและผู้ฝึกสอนที่อยู่ในคนละที่กันสามารถติดต่อ และเรียนได้ผ่าน Hololens
รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นรวมถึง Ford, Audi และ Volkswagon ต่างก็ทำการทดลองเทคโนโลยีในกรณีการใช้งานที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่นตอนนี้ฟอร์ดใช้เทคโนโลยี Hololens เพื่อช่วยให้นักออกแบบจำลองการเปลี่ยนแปลงยานพาหนะของพวกเขาได้อย่างรวดเร็วซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรถยนต์ในระบบ 3 มิติได้ แทนที่จะดูการปรับเปลี่ยนผ่านหน้าจอ
3. Japan Airlines
สายการบินญี่ปุ่นกำลังใช้ HoloLens เพื่ออนุญาตให้วิศวกรฝึกหัดสามารถดูโฮโลแกรมของเครื่องยนต์เจ็ทที่ทำงานได้โดยไม่ต้องไปที่โรงเก็บเครื่องบินหรือนำชิ้นส่วนที่มีราคาแพงมาใช้จริง
ทีม HoloLens กล่าวว่า “พนักงานสามารถสัมผัสกับการฝึกอบรม 3 มิติที่สมจริงในระดับเรียนรู้การทำงานกับเครื่องจักรที่ซับซ้อนซึ่งเข้าถึงได้ยากเหมือนเครื่องยนต์เจ็ต” ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถทำงานร่วมกันในโฮโลแกรมได้ทั้งในห้องเรียนหรือผ่าน Skype ในสถานที่ต่างๆโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ headquater เท่านั้น
จากตัวอย่างดังกล่าวถึงแม้ปัจจุบัน เทคโนโลยี Hololens จะมีราคาสูงและใช้ในบริษัท enterprise ขนาดใหญ่ แต่ผู้เขียนเชื่อว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าราคาของอุปกรณ์เชื่อมต่อเช่นนี้จะมีราคาถูกลง และง่ายต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น นอกจากนี้แนวโน้มการเติบของเทคโนโลยีอย่าง mixed reality รวมถึง AR และ VR ในอนาคต จะเร่ิมมีรูปแบบและความความสมจริงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงความสามารถในการแสดงผลแบบ real-time อีกทั้งเราจะเริ่มเห็นการนำอุปกรณืเหล่านี้ไปใช้อย่างกว้างขวางมากขึ้นในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งสามารถพัฒนาไปจนกลายเป็นอุปกรณ์ที่มีความคล้ายคลึงกับแว่นตาขนาดเล็ก หรือแม้แต่จะกลายเป็นคอนแทคเลนส์ ที่สามารถโต้ตอบและสังการด้วยเสียงหรืออาการท่าทางได้ทันที ตลอดจนการทำงานร่วมกับระบบการเรียนรู้และการทำงานของเรา จนเปรียบเสมือนการมีผู้ช่วยส่วนตัวอยู่ตลอดเวลา
Reference
https://www.beartai.com/news/itnews/313011
https://www.microsoft.com/en-us/hololens