AI, The new secret weapon of giant tech company

1601

ท้ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดของการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ แต่มีอยู่เทคโนโลยีนึงที่แถบจะทุกบริษัท หรือประเทศต่างก็ให้ความสนใจและแข่งขันกันพัฒนาอย่างดุเดือด นั้นคือ AI หรือ Artiflicial intelligence 

Artificial intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์ คือ การจำลองกระบวนการคิด วิเคราะห์ของมนุษย์โดยระบบคอมพิวเตอร์ รวมทั้งครอบคลุมถึงการเรียนรู้ ซึ่งเกิดจากการวิเคราะห์หาโครงสร้างความสัมพันธ์ของข้อมุลขนาดใหญ่หรือ big data เพื่อหาแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอีก หรือเพื่อกระบวนการตัดสินใจที่มีความแม่นยำสูง รวมถึงยังมีความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตัวเองหรือที่เรียกว่า machine learning

แล้วทำไมการพัฒนา AI ถึงได้สำคัญขนาดนี้?

Artificial intelligence ตั้งแต่เริ่มต้นถูกพัฒนาขึ้นด้วยความหวังและเป้าหมายที่ดี ในการเข้ามาช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกในชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ และทดแทนการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะสูงในบางอุตสาหกรรม แต่เมื่อบริษัทขนาดใหญ่ อย่าง Google, Apple, Amazon และ Apple ต่างเริ่มให้ความสำคัญกับพัฒนา AI เป็นอันดับแรก ทำให้เกิดเป็นการแข่งขันที่ชัดเชนมากขึ้น ทั้งในบริษัทขนาดใหญ่เอง และการเกิดขึ้นของ Startup ด้าน AI มากมาย

โดยบริษัทเหล่านี้เชื่อว่า บริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยี AI ที่มีศักยภาพสูง และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ในหลายๆรูปแบบ จนเป็นที่ยอมรับในคนหมู่มาก จะทำให้บริษัทนั้นสามารถยึดครองฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ไปได้มากที่สุด จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็น Next trillion dollar buissness ได้ในที่สุด ซึ่งนี่อาจจะเป็นรางวัลที่หวานหอมสำหรับผู้ชนะ

4 ตัวอย่างความก้าวหน้าของการพัฒนาในบริษัทยักษ์ใหญ่ ของบริษัทยักษ์ใหญ่

  1. Google ให้ความสำคัญกับ AI มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างใน Google Home จะไม่ใช่เป็นเป็น Voice-activated speaker ที่ทำได้เป็นคำสั่งง่ายๆอย่าง เปิดปิดเสียง หรือแค่สั่งให้ค้นหาอีกต่อไป เพราะในอนาคตอันไกล้คงจะสามารถรองรับการสั่งงานด้วยเสียงในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น เสมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของคุณภายในบ้าน อย่างในงานเปิดตัวของ Google IO ที่ผ่านมา Google assistance สามารถโทรจองโต๊ะอาหารเป็นคุณได้ นอกจากนี้เรายังได้เห็นเทคโนโลยีเหล่านี้นำไปปรับใช้กับ Service ต่างๆของ Google อย่าง Youtube เพื่อแนะนำวิดีโอที่น่าสนใจให้กับผู้ใช้ได้ตรงกับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
  2. Facebook คงเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ต้องให้การยอมรับถึงการเป็นผู้นำด้าน AI มาปรับใช้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์อยู่ตลอดเวลา ประกอบกับฐานผู้ใช้งาน Daily Active Users มากถึง 2,000 ล้านคนต่อวันทำให้ Facebook สามารถเก็บข้อมูลของผู้ใช้ได้อย่างมหาศาล ทำให้สามารถสร้างบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างเเม่นยำ อย่างการนำเสนอ Advertising ของ Facebook ที่ขึ้นมาในหน้า New feed ของผู้ใช้ซึ่งหลายคั้งเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าโฆษณาเหล่านั้นช่างตรงใจ ตามความต้องการของเราในขนะนั้น อีกทั้ง Mark Zuckerberg ยังระบุว่า AI จะเป็นหนึ่งในการเดิมพัน 10 ปีของ บริษัท เพื่อให้เข้าใจผู้ใช้และพัฒนาการให้บริการพวกเขาให้ได้ขึ้น
  3. Amazon จาก platform ecommerce ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกการ algorithm ที่เลือกสินค้าที่ลูกค้าสนใจแสดงผลบนหน้าเว็บไซต์แตกต่างกันในแต่ละบุคคล มาผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับ AI เช่นกันใน Alexa ผู้ช่วยเสมือจริงที่มาพร้อมกับ smart speaker อย่าง amazon echo และข้อมูลจาก Voicebot smart speaker report ประจำเดือนมกรา ปี 2019 ที่ผ่านมาพบว่า ส่วนแบ่งตลาด smart  speaker ของสหรัฐ ส่วนแบ่งการตลาดของ Alexa มีส่วนแบ่งมากถึง 61.1% ของตลาดรวม น้ันทำให้ Amazon กลายเป็นผู้นำตลาดที่มีข้อมูลลูกค้าอยู่ในมือมากที่สุด มีโอกาสพัฒนา Alexa ให้ฉลาดเหนือกว่าคู่แข่ง
  4. Apple ตั้งแต่ปี 2012 Apple ได้มีการเปิดตัว siri ซึ่งเป็น voice assistant รายแรกๆที่มาพร้อมกับมือถือ smartphone แต่เป็นเรื่องหน้าเสียดายที่ Siri ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนในปัจจุบันก็ไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ อย่างไรก็ตามแม้ Apple จะไม่ได้ลงทุนใน AI มากเท่ากับบริษัทคู่แข่งอย่าง Google และ Amazon แต่ก็ยังมีดารพัฒนาประยุกต์ใช้งาน AI อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น ระบบจดจำใบหน้า (Face recognition) ใช้ในการตรวจจับการฉ้อโกง และการเพิ่มประสิทธิภาพการดึงพลังงานจากแบตเตอรี่เป็นต้น

โดยการที่จะประสบความสำเร็จในการพัฒนา AI นั้น ประกอบด้วยกันหลายปัจจัยแต่ หนึ่งในปัจจัยที่มีความสำคัญที่สุด คือ การเก็บข้อมูล และจัดการให้ถูกต้อง ทำให้การเเข่งขันเพื่อเป็นผู้นำตลาด มียอดส่วนแบ่งการตลาดที่สูงสุดจะเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะทำให้มีข้อมูลของผู้ใช้มากขึ้น ใช้ในการวิเราะห์และพัฒนาตัวระบบ  AI ให้มีความฉลาดได้เหนือคู่แข่ง และเมื่ออยู่ในจุดที่ความฉลาดของ AI อย่างที่ให้เห็นภาพชัดเจน ในกลุ่ม Voice Assistant ข้อมูลลุกค้าจะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพ และการโต้ตอบสนธนาที่มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น และบริษัทที่สามารถพัฒนาความสามารถเหล่านี้ให้เหนือคู่แข่งได้มากที่สุดจะมีโอกาสยึดครองตลาดไว้แต่เพียงผู้เดียว และได้รางวัลที่หอมหวานเป็นยอดขายและการใช้จ่ายของ  user ผ่านระบบ เป็น next trillion dollar business กันเลยที่เดียว

และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบรษัทที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยี AI จากบริษัทหลายร้อยหลายพันทั่วทุกมุมโลก แต่ท่ามการกลางแข่งขันอันดุเดือดนี้ และไม่ว่าผู้ชนะจะเป็นใคร ผู้ที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดคงจะหนีไม่พ้น User อย่างเราๆ ที่จะมีความสะดวกสะบายมากขึ้น โดย AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญและเชื่อว่าอีกไม่นาน AI จะเข้ามามีส่วนร่วมและเป็นส่วนสำคัญกับการใช้ชีวิตของเราอย่างที่ขาดไม่ได้ ตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวันในยุคที่มีอุปกรณ์ IOT รอบตัวของเรา ที่จะมีการคาดการณืเหตุการณ์ที่เราจะทำล่วงหน้า และเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานของเราในประสบการณื แบบ personalisation ไปจนถึงในการทำงานของเรา ที่จะเข้ามาเป็นเครื่องมือในการช่วยตัดสินใจจากข้อมูลที่มีอยู่โยไม่ตั้ง  Bias

 

Reference

https://hackernoon.com/how-facebook-apple-microsoft-google-and-amazon-are-investing-in-ai-f58b5706e34a

https://voicebot.ai/2019/03/07/u-s-smart-speaker-ownership-rises-40-in-2018-to-66-4-million-and-amazon-echo-maintains-market-share-lead-says-new-report-from-voicebot/

https://www.thaiprogrammer.org/2018/12/whatisai/

 

บทความก่อนหน้านี้Libra, The next big wave of currency infrastructure.
บทความถัดไปIs it Apple ready to move forward?
Avatar
นักธุรกิจ Futurist อดีตนักเรียนทุนประเทศญี่ปุ่น มีความหลงไหลในการพัฒนาธุรกิจด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่ในขณะเดียวกันต้องสร้างผลในเชิงบวกให้แก่สังคม และสิ่งแวดล้อม